สารจากอดีตนายกสมาคมฯ (พ.ศ. 2554-2557) : นายสันติ สุรรัตน์ (รหัส 715001)
ถึง เพื่อนๆและน้องๆ ศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ในวาระที่สมาคมศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จะมีการจัดทำเว็บไซต์ของสมาคมฯ ขึ้นใหม่ เพื่อให้เป็นสื่อกลางในการติดต่อประสานงานตลอดจนการประชาสัมพันธ์
กิจกรรมต่างๆ ของสมาคมฯ กับสมาชิกและศิษย์เก่าทุกรุ่นให้ทั่วถึงทุกคนภายในเดือนมกราคม 2560 และนายกสมาคมฯ ปัจจุบัน คุณสิรินรี อัจฉรานนท์ ศิษย์เก่ารุ่นที่ 14 ได้ติดต่อขอให้ผม
ซึ่งเป็นอดีตนายกสมาคมฯ คนแรก ได้เขียนสารถึงศิษย์เก่าทุกคนเพื่อนำมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ของสมาคมฯ นี้ต่อไปจึงเป็นความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่นี้ให้กับสมาคมฯ อีกครั้งและในวาระที่
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ครบ 45 ปีของการสถาปนาในปี 2559-2560 ผมในฐานะศิษย์เก่ารุ่นแรก จึงใคร่ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ได้พระราชทานแก่บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2518 ที่เข้าเฝ้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ประกาศนียบัตร และอนุปริญญาบัตร
มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยศิลปากร ดังปรากฏข้างต้นของสารนี้ ให้ทุกท่านได้ทราบและมีโอกาสนำมายึดถือปฏิบัติโดยทั่วกัน
จากองค์พระบรมราโชวาทดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานไว้ว่า
ความเจริญนั้นมักจำแนกกันเป็นสองอย่าง คือ ความเจริญทางด้านวัตถุอย่างหนึ่ง และความเจริญทางด้านจิตใจ
อีกอย่างหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น ยังเห็นกันว่า ความเจริญอย่างแรกอาศัยวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นปัจจัยสร้างสรรค์
ส่วนความเจริญอย่างหลังอาศัยศิลปะศีลธรรมจรรยาเป็นปัจจัย แท้จริงแล้ว ความเจริญทางวัตถุกับความเจริญ
ด้านจิตใจก็ดี หรือความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์กับทางด้านศิลปะศีลธรรมจรรยาก็ดี มิใช่สิ่งที่จะแยกออกจากกันให้
เด็ดขาดได้ ทั้งนี้เพราะสิ่งที่เราพยายามแยกออกจากกันนั้น มีมูลฐานที่เกิดอันเดียวกัน คือ “ความจริงแท้” ซึ่งเป็น
วิทยาศาสตร์ ถึงจะพยายามแยกจากกันอย่างไร ที่สุดก็จะรวมลงสู่กำเนิดจุดเดียวกัน แม้แต่จุดประสงค์ก็จะลงสู่
จุดเดียวกัน คือความสุข ความพอใจ ของทุกคน ดังนั้น ท่านทั้งปวงที่กำลังจะนำวิชาการออกไปสร้างความเจริญ
แก่ตนแก่ประเทศชาติ ควรจะได้ทราบตระหนักในข้อนี้ และควรจะถือว่าความเจริญทั้งสองฝ่ายนี้มีความสำคัญ
อยู่ด้วยกัน เป็นสิ่งที่เกี่ยวเกาะ เกื้อหนุน และอาศัยกัน จำเป็นที่จะต้องพิจารณาพร้อมกันไป ปฏิบัติพร้อมกันไป
ความเจริญมั่นคงแท้จริงจึงจะเกิดขึ้นได้ตามความมุ่งประสงค์
ซึ่งพวกเราศิษย์มหาวิทยาลัยศิลปากรไม่เฉพาะรุ่นที่ได้เข้าเฝ้า ควรนำมาพิจารณายึดถือปฏิบัติ เพื่อสนองพระบรม
ราโชวาทและพระอัจฉริยะภาพของพระองค์ สร้างความมั่นคงแท้จริงให้แก่ตนเองและประเทศชาติให้เป็นที่ประจักษ์
อย่างยาวนานสืบไป
สุดท้ายนี้ ผมขอให้สมาคมศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่มีอายุครบ 5 ปีแล้ว มีความเจริญ
ก้าวหน้า เป็นศูนย์กลางเพื่อการเชื่อมความสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนความ
เชี่ยวชาญของบรรดาศิษย์เก่าทั้งหลาย ส่งผลต่อเนื่องไปเป็นความเจริญมั่นคงที่แท้จริงทั้งแก่สมาคมฯ ศิษย์เก่า
และประเทศไทยของเรายิ่งๆขึ้นตลอดไป